เรื่องสั้น เรื่องแรกครับ (ตอนจบ) อยากให้ลองอ่านกันครับ รับทุกคำวิจารณ์

กระทู้คำถาม
……

รถสองแถว ผ่านไป สามคันแล้ว ผมกับเธอ ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น เธอสงบลงหลังจากปล่อยโฮ ออกมาอย่างเต็มที่ หน้าตาที่เห็นนั้น น่ารักปนเศร้า มองแล้ว อยากหยุดมันไว้ตรงนี้
ผมเก็บหมวกแก๊ป ที่ทำถ้าจะหล่นจากเส้นผมยาวสลวยมาถือไว้ แล้วคิดในใจว่า จะบ้าเหรอ!!! คนเขาเสียใจอยู่แล้วอยากให้มันหยุดตรงนี้ มันไม่ยุติธรรม หยุดความคิดนั้นไว้

“แล้วที่นี้จะเอาไงต่อ” ผมดูอาการแล้วน่าจะคุยได้แล้วจึงถามไป

“ที่มายืนอยู่ตรงนี้ก็ คิดว่า จะไปสถานีรถไฟ” เธอพูดพรางปาดน้ำตาที่เหลือจากการหยุดไหลบนแก้ม
“จะไปลงที่บางซื่อ จะไปที่บริษัท ใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟคะ  พี่สาวทำงานอยู่ที่นั่น” เธอตอบหลังหันมาเห็นหน้า ที่กำลังสงสัยของผมอยู่
“งั้น... คุณพอที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางกับผมได้ไหม” ผมลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือให้เธอ

ใบหน้าของผู้หญิงที่เพิ่งร้องไห้อย่างหนักเงยมองมาที่ผม มองที่มือ แล้วจับแขนเสื้อผม ผมดึงตัวเธอลุกขึ้นยืน ไม่มีคำตอบอะไรจากเธอ

……

เรายืนรอรถสองแถวไม่นาน รถก็มา บนรถ เราได้ที่นั่งตรงกันข้ามกัน แล้วส่งหมวกแก๊ปที่ผมถืออยู่ให้เธอ เธอรับไปแล้วเอาสวมไว้ หลังจากนั้น ผมก็อดที่จะหันไปมองเธอเป็นระยะ ความคิด ที่มีในหัวคือกลัวเธอจะทำอะไรแปลกๆ เข้า

เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย จนถึงจุดหมาย คือ พระปฐมเจดีย์

หลังจากลงรถสองแถว อาการเดิมที่เกิดขึ้นหน้าโรงแรมก็เกิดขึ้นกับผมอีก

“พี่เพิ่งเคยมานครปฐมเหรอ” หลังจากตากลมๆ ที่ขอบตายังมีที่ร่องรอยของการร้องไห้ มองมาที่ผมแล้วเห็นอาการที่เกิดขึ้นกับผม

“จ้า ” ผมตอบแบบเขินๆ ว่าแต่พี่เหรอ???

“ให้หนูเรียกพี่ว่าพี่นะ” หลังคำตอบของผมที่ตอบไป

แล้วเธอก็ก็ผายมือไปแทนคำพูดที่ว่า ไปทางนั้นแล้วเดินนำหน้าผมไป

“ได้ซิ”ผมตอบแล้วเดินตาม น้องสาวคนใหม่ไป... ก็ดีได้น้องสาวน่ารักๆ อีกคน

ระหว่างทางที่เดินไป มีร้านสะดวกซื้อเลขสองชุดอยู่

“เอาน้ำอะไรมากินสักหน่อยดีว่า ไปๆ พี่เลี้ยง”

“ไม่ดีกว่าคะ หนูแกรงใจ” เธอที่เดินนำหน้าอยู่หยุดแล้วหันมาตอบ

“เอานา...ไม่เป็นไร ถือว่าเลี้ยงรับน้องใหม่ นะ” ผมคะยันคะยอ ไม่ฟังคำตอบก็เดินเข้าไปในร้านเลยแล้วหวังว่าเธอจะเดินตามเข้ามา

หลังจากผมเดินเขามาในร้าครูใหญ่ เธอเดินเข้ามาในร้านครับ เห็นเธอเดินไปที่ตู้แชเย็นแล้วหยุด

ช่วยที่อยู่หน้าร้านคงเปิดสมาร์ตโฟน เพราะที่เธอหยุดนั้นที่หน้าตู้แช่นั้น เพราะ เธอยืนมองสมาร์ตโฟน อยู่
สีเธอหน้า ชักเริ่มไม่ดี ผมเลยเดินเข้าไปหาเธอ…

“ความรักมันบังคบกันไม่ได้นะ…แต่ถ้าเป็นแบบน้องตอนนี้…เพื่อนยังรักษาไว้ได้ อย่าเสียทั้งคนที่เรารัก แล้วก็เสียเพื่อนไปพร้อมๆ กันดีกว่า” ผมพูดกับเธอหลังเห็นอาการที่เธอเป็นหลังที่เธอมองดูที่สมาร์ตโฟนของเธอ
“ความรัก ที่เสียไปแบบนี้ ต้องมันต้องมีมาอีก พี่เชื่ออย่างนั้น แต่เพื่อน ถ้าเสียไป กว่า หามาใหม่ให้ได้แบบที่เป็นอยู่คงอีกนานแล้วอาจจะหาไม่ได้อีกแล้วนะ เอาเป็นว่า  น้องไม่ได้ถูกแย่งแฟน จริงไหมล่ะ ทำไม่เราไม่ ช่วยให้เขาทั้งคู่มีความสุขล่ะ… อย่างน้อยที่ทำได้ตอนนี้ที่ทำได้ คืออย่าทำให้ คนที่เรารักทั้งสองคน ต้องมาเป็นทุกข์ใจเพราะเรา…”ผมเตือนสติเธอ กำเจ้าเป้ใบเขื่องแน่นมือ

“ไปๆๆๆ เอาน้ำ เอาขนม แล้ว ไปสถานีรถไฟกัน เดี๋ยวจะจับรถกลังถึงที่หมายมือค่ำ” ไม่ฟังคำตอบใดๆ ผมตัดบท

“จับรถ พี่ใช้คำโบราณ จัง” เธอยิ้มออกมานิดๆ แล้วแซวผม คงอารมณ์ดี ขึ้นบ้างแล้วเนอะ…

“ถ้าไม่อยากเจอของโบราณอีกก็ หยิบของมา แล้วก็พาพี่ไปสถานี” ผมบอกเธอ

“คา…” เธอรับคำ แล้ว เราก็จัดแจ้งหาของที่อยากได้ จ่ายเงินแล้วดินทางต่อ

…..

เดินมาถึงหน้าทางเข้าพระปฐมเจดีย์ ผมเงยหน้าขึ้นมองแล้วยกมือไหว้  คิดในใจว่า ถ้ามีโอกาส จะมาไหว้ให้ได้สักครั้ง

“ทางนี้พี่” แล้วเธอที่เดินมากับผมด้วย ก็ให้ผมหลังให้พระปฐม ก็เห็น สถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลนักเธอเดินนำหน้าข้ามถนนที่ขวางทางไปพร้อมกับผมไม่นานก็ถึงสถานี

พอไปถึงสถานีรถไฟ ผมก็ ให้เธอเดินไปหาที่นั่งแล้วผมก็ไปเอาตั๋ว ได้ตั๋วมา ก็เอาไปส่งให้เธอ ตอนนั้นมีกลุ่มทัศนศึกษา ของ มหาวิทยาลัย มารอขึ้นรถ น่าจะเป็นขบวนเดียวกันกับขบวนที่ผมจะไป
“ที่ป้ายรถสองแถว พี่พูดยังกับ ว่าหนูรู้สึกยังไง” เธอหันมามอง ด้วยสายตาเศร้าๆ
“ก็รู้สิ... พี่ก็เคยเป็น ตอนแรกไม่รู้หลอกนะ เป็นแบบนั้นแต่พอฟัง น้องเล่าก็เลยรู้...”ผมพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างๆ เธอตัวที่เธอนั่งอยู่
“แล้วพี่ก็ทำในแบบที่ บอกน้อง ตอนที่เข้าไปซื้อน้ำ จริงๆ เพราะพี่ รักทั้งเพื่อนแล้วก็คนที่ พี่รัก” ผมพูดไปแบบรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ

!!! ท่านผู้ที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางไปกับขบวนรถที่....!!! เสียงประกาศ จากทางสถานี มาทำราย ความเงียบหลังผมพูจบแล้วหยุดพูดไป กลุ่มทัศนศึกษา ก็เริ่มเจ๊าะแจ๊ะจอแจ ขึ้นมา

ไม่นานนักรถก็มา เราสองคนได้ขึ้นไปก่อน ที่ กลุ่มทัศนศึกษา จะขึ้นไป ได้ที่ที่นั่งพอดี

.......

รถออกไปได้สักพัก....

“ขออนุญาตแล้วเว้ย!! เอาออกมาเล่นได้ ” สองชายหนุ่ม ในกลุ่มทัศนศึกษา เดินมาจากหน้าขบวนรถแล้วเออขึ้นด้วยความตื่นเต้น
กลองลูกเล็กๆ ที่ติดกันสองใบผมก็ว่าเขาเรียกว่า กลองอะไร กับ กีต้า อีก หนึ่งตัว แล้วดนตรีก็เริ่มขึ้น ระหว่างทางนั้นเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก ผมเองก็อดที่จะไปร่วมสนุกกัน กลุ่มทัศนศึกษา ไม่ได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองเธอคนนั้นและช่วยร่วมสนุก

เธอยิ้มได้แล้วละ....

เวลาผ่านไปอย่ารวดเร็ว รถไฟ ใกล้ที่สถานี บางซื่อ

เธอเตรียมตัว ที่จะลง และไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ ผม ผมรับไหว้แทบไม่ทัน ไม่มีใครเคยไหว้ผมนี้นา....

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะค่ะ” แล้วเธอก็ยิ้ม ให้แล้วหันหลังเดินไปทางที่ทางลง

แล้วคำถามก็เกิดขึ้นในสมอง  ทำไมเราไม่ถามชื่อ ถามเบอร์โทร ถามไลน์ เธอไว้เลย วะ!!! ความคิดยังไม่ทัน หยุดไป ร่างกายก็เริ่มขยับ
แต่ไม่ทันการรถไฟเริ่มขยับ เสียงดนตรีจาก กลุ่มทัศนศึกษา ยังดังอยู่

ผมวิ่งไป ที่ ทางลง รถก็เริ่มแล่นเร็วขึ้น ที่ทางลงผม ชะโงกหน้าออกไป เห็นเธอมือจับอยู่ที่หมวกแก๊ป วิ่งมาตามแล้วพูดอะไรบางอย่างเลยไม่ได้ถามอะไรออกไป

ทั้งเสียดนตรี และเสียงรถ ทำให้ ได้ยินสิ่งที่เธอพูดมาไม่ได้ศัพท์ แล้วรถก็วิ่งจากสถานี

.....

ผมคิดได้แค่ว่า อย่างน้อยก็ได้ช่วยให้ใครคนหนึ่ง ได้สบายใจ ก็รู้สึกดี นะ
แล้วผมก็ไปทำ ภารกิจ ที่ได้รับมอบหมาย จนสำเร็จ ส่งมอบของแล้วโทรหา เจ้าเพื่อนตัวทำให้เกิดเรื่อง

......

ผมเดินเขามาที่ทำงาน ตลอดทาง วันนี้ โต๊ะทำงานของแต่ละคน มี สีแดงและสีชมพู ประดับประดากัน อยู่ มากมาย....

“ถึง วาเลนไทม์ อีกแล้วเหรอ???” ผมเปรย ขึ้น หลังจากมาถึง ห้องทำงานของหน่วยงานย่อยของผม

วันนี้มาก่อนเวลากะว่าจะมาขอลางานพรุ่งนี้สักวัน

พรุ่งนี้แล้วซี ที่เจ้าเพื่อนจอบก่อนเรื่องจะแต่งงานกับ ผู้หญิงที่ มันรักที่สุดในชีวิต มันยังเสียดายเลยที่ไม่ได้แต่งวันนี้ แต่ก็ต้องตามผู้ใหญ่ที่ถือฤกษ์เป็นวันพรุ่งนี้ และวางแผนให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เย็นนี้ก็ต้องไปเตรียมตัวกับมัน

กรี้งๆ!!! เสียโทรศัพท์ ในหน่วยงานก็ดังขึ้น ตอนนั้น ยังไม่มีใคร มาทำงาน ก็เหมือนถูกบังคับให้รับโทรศัพท์เลย

“ครับ ศูนย์คอมฯ ครับ” รับ อย่างที่เคยทำๆ มา

“เดี๋ยวจะมีน้องใหม่ไปของทำ รหัสผ่านเข้าใช้ระบบงานนะ ช่วยน้องเขาหน่อย” เสียงของหัวหน้าผมโทรมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ โทรมาส่งงาน เห็นเราเดินมาที่ห้องตอนไหนหว่า???

“ครับ” ผมรับคำ แล้วหัวหน้าก็วางสายไป

สักครู่ใหญ่ ก็มี คนเดินมา ที่ห้อง

“ขอโทษนะคะ มาขอรหัสผ่านเข้าใช้งานระบบงานค่ะ” ผู้มาเยือน เอ่ยขึ้น เสียงนั้นต้องทำให้ผมหันไปมองทันที!!

เธอยืนมองที่ผมแบบคนที่มาติดต่องาน

“งั้น... กรอกแบบฟอร์ม นี้ให้ผมหน่อย” เป็นแบบฟอร์ม ที่ทางที่ทำงานผมต้องให้ผู้ที่มาขอใช้งานระบบต้องกรอก ในนั้นก็จะมีประมาณชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ผมส่งให้เธอไป

ผมแอบมองเท่าที่ผมจะกล้าแอบมอง... ตอนที่เธอเขียนแบบฟอร์มอยู่ กลัวเธอรู้ตัวจัง... ใจไม่ดีเลย ความคิดต่างนานา ผุดขึ้นในหัว

ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อเธอก็หันมา เอากระดาษ แบบฟอร์ม มาส่งให้ผม

“ขอเวลาสัก 5 นาทีนะครับ แล้วค่อยเข้าใช้งานระบบ ยูสเซอร์ เป็นภาษาอังกฤษ อักษรตัวแรกของนามสกุล แล้วตามด้วยชื่อ พาสเวิร์ด เป็น12345 แล้วเข้าไปแก้เป้นของคุณเอง หลังเข้าใช้งาน นะครับ” ผมรู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก ตอนที่แจ้งข้อความมาตรฐาน ที่ต้องแจ้ง เป็นปกติ กับทุกคนแต่เธอ ทำไมเป็นแบบนี้

“คะ” เธอรับคำแต่ดูจะขำกับกิริยาทาทางที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ แล้เธอก็เดินออกไปจากห้อง

ผมนั่งลงหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมที่จะทำการเพิ่มชื่อเธอเขาไปในระบบ

ไม่นาน...เธอเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานผมอีกครั้ง....

“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะค่ะ พี่” เธอพูดหลังจากที่มองป้ายชื่อที่แขวนอยู่ที่คอผม....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่